ศูนย์วิทยบริการเพื่อส่งเสริมการเกษตร

10

เรื่องล่าสุด

ลิ้นจี่จักรพรรดิฝาง (ลิ้นจี่จักรพรรดิเชียงใหม่) จ.เชียงใหม่ ลิ้นจี่จักรพรรดิฝาง เป็นผลไม้อัตลักษณ์พื้นถิ่นของจังหวัดเชียงใหม่ มากกว่า 60 ปี ด้วยรสชาติหวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอม เนื้อหนาสีขาวขุ่น ฉ่ำน้ำ ทรงผลคล้ายรูปหัวใจ มีขนาดใหญ่ เปลือกหนาสีแดงอมชมพู จึงเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อ ปลูกในพื้นที่อำเภอฝาง แม่อาย และอำเภอไชยปราการ ของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ

มะนาวยักษ์พม่า

มะนาวยักษ์พม่า ผลขนาดใหญ่ ผลดก ให้น้ำเยอะ ลักษณะเด่นมะนาวพม่าหรือมะนาวยักษ์ มีผลขนาดใหญ่คล้ายผลส้มโอ น้ำหนักเฉลี่ยประมาณลูกละครึ่งกิโลกรัม สามารถนำมาคั้นเพื่อรับประทานสด ๆ หรือใช้ปรุงอาหารได้ แต่ไม่ค่อยมีกลิ่นหอม จึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก และมีการนำไปปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ ลักษณะต้นเป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นสูง ประมาณ 3-5 เมตร การแตกกิ่งไม่ค่อยเป็นระเบียบ การขยายพันธุ์พืชและการดูแลรักษา เกร็ดน่ารู้ใช้ผลเป็นยาช่วยบรรเทาอาการปวดหัว แก้อาเจียน ขับเสมหะ

มะนาวตาฮิติ

มะนาวตาฮิติ มะนาวไร้เมล็ด หรือมีก็น้อยมาก ผลรูปกลมคล้ายหยดน้ำ ผลใหญ่ รสเปรี้ยว ปริมาณน้ำมาก ลักษณะเด่นมะนาวตาฮิติเป็นสายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดจากเกาะตาฮิติ รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา กรมวิชาการเกษตรนำเข้ามาเพื่อศึกษา ปลูก และขยายพันธุ์ พบว่า มะนาวพันธุ์นี้เติบโตได้ดีในทุกภูมิภาคของไทย ผลมีขนาดใหญ่มาก เปลือกหนา เมื่อแก่จัดก็ยังมีสีเขียวเข้มเหมือนเดิม มีน้ำมากกว่ามะนาวชนิดอื่น จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จุดเด่นคือผลใหญ่ ให้น้ำมาก

มะนาวแป้นพิจิตร 1

มะนาวแป้นพิจิตร 1 ลักษณะเด่นผสมพันธุ์ขึ้นใหม่ โดยนักวิชาการไทยจากศูนย์วิจัยพืชสวน ซึ่งใช้มะนาวแป้นรำไพเป็นแม่พันธุ์ผสมกับมะนาวน้ำหอม ลักษณะเด่นคือทนต่อโรคแคงเกอร์ได้ดี ปลูกง่าย ต้นเตี้ย ติดดอก ติดผลตลอดปี ติดผลเป็นพวง พวงละ 3-5 ผล ผลดก ผลใหญ่ ผิวสวย น้ำมาก น้ำมีกลิ่นหอม รสเปรี้ยวจัด จึงนิยมปลูกอย่างแพร่หลาย ลักษณะต้นเป็นไม้พุ่มสูง

สำนักพัฒนาสังคม

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 สำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร ขอรับสื่อเอกสารคำแนะนำและแผ่นพับ จำนวน 1,750 เล่ม/แผ่น สำหรับจัดกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้เรื่องการลดการเผาตอซังข้าวและวัสดุทางการเกษตร

แมกนีเซียม (Mg) กับการเจริญเติบโตของพืช เป็นธาตุที่มีส่วนสำคัญของคลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสังเคราะห์แสง และเป็นธาตุที่สามารถเคลื่อนย้ายในพืชได้ คลอโรฟิลล์ในพืชมีความคล้ายกับฮีโมโกลบินในเลือดมนุษย์ โดยคลอโรฟิลล์ประกอบด้วย ธาตุแมกนีเซียม (Mg) ส่วนฮีโมโกลบิน มีธาตุเหล็ก (Fe) เป็นส่วนสำคัญ หน้าที่ การขาดแมกนีเซียมในพืช พบที่ใบแก่ อาการเส้นสีเหลืองระหว่างใบ การแก้ปัญหาอาการขาดธาตุแมกนีเซียมในพืช ที่มา : สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองกำแพงเพชร

ประโยชน์ของนาดำ

การปลูกข้าวแบบนาดำ หมายถึง การทำนาที่มีการนำเมล็ดข้าวไปเพาะในแปลงที่เตรียมไว้ก่อน เรียกว่า การเพาะกล้า เมื่อได้ขนาดตามที่ต้องการ จะถอนต้นกล้าไปปักดำในพื้นที่นาที่เตรียมไว้ แต่ข้อเสียวิธีนี้ ต้องใช้แรงงานมาก ประโยชน์ของนาดำ ที่มา : สำนักงานเกษตรจังหวัดสระแก้ว

สมบัติของดินที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของพืช สมบัติของดินทั้ง 3 ด้าน มีการเกื้อหนุนกันเป็นวัฏจักร ดินมีโครงสร้างที่ดี ส่งผลให้มีสมบัติทางเคมีที่ดี โดยเฉพาะการจัดเก็บธาตุอาหารไว้ให้พืชและสิ่งมีชีวิตในดิน ยังช่วยเกื้อหนุนสมบัติของดินให้ดี สุดท้ายจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตที่ดีของพืช ดังนั้น หากดินมีปัญหาด้านใด ต้องปรับปรุงหรือแก้ไข และต้องทำก่อนใส่ปุ๋ย เพื่อให้การใช้ปุ๋ยมีประสิทธิภาพ กายภาพ เคมี ชีวภาพ ที่มา : กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร

คำแนะนำการป้องกันหนอนกระทู้

คำแนะนำการป้องกันหนอนกระทู้

คำแนะนำการป้องกันกำจัดหนอนกระทู้ เฝ้าระวังการระบาดของหนอนกระทู้ เนื่องจากช่วงนี้พบการระบาดของหนอนกระทู้หอม และหนอนกระทู้ผักเข้าทำลายมันสำปะหลังในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ยังพบหนอนกระทู้กล้าเข้าทำลายในข้าว และหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดเข้าทำลายข้าวโพด ประกอบกับสภาพอากาศที่แห้งแล้งเป็นเวลานาน และเริ่มมีฝนตกในหลายพื้นที่ ทำให้ดักแด้ที่พักตัวอยู่ในดินพัฒนาเป็นตัวเต็มวัย (ผีเสื้อกลางคืน) และวางไข่ สภาพอากาศเช่นนี้ทำให้วงจรชีวิตหนอนสั้นลง ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างและเข้าทำลายหลายชนิดพืช รูปร่างลักษณะ หนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด : fall armyworm (Spodoptera frugiperda (J.E. Smith)) หนอนกระทู้กล้า : lawn armyworm (Spodoptera mauritia (Boisduval)) หนอนกระทู้ผัก : common cutworm (Spodoptera litura (Fabricius)) หนอนกระทู้หอม : beet armyworm (Spodoptera exigua (Hubner)) เรียบเรียงโดย : กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร

หนอนกระทู้ไร่มันสำปะหลัง

หนอนกระทู้ไร่มันสำปะหลัง

ระวัง หนอนกระทู้ไร่มันสำปะหลัง สภาพอากาศในช่วงนี้มีฝนตก และฝนตกหนักบางพื้นที่ เตือนผู้ปลูกมันสำปะหลัง ใน ทุกระยะ การเจริญเติบโต รับมือหนอนกระทู้ โดยหนอนระยะแรกเข้าทำลายเป็นกลุ่ม ในระยะต่อมาจะทำลายรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากเป็นหนอนที่มีขนาดใหญ่ สามารถกัดกินใบ ก้าน แนวทางป้องกัน/แก้ไข ๑. หมั่นสำรวจแปลงปลูก ตั้งแต่เริ่มงอก หากพบกลุ่มไข่และตัวหนอนทำการเก็บทำลายทันที๒. ปล่อยแมลงศัตรูธรรมชาติ เช่น แตนเบียนไตรโคแกรมม่า แมลงหางหนีบ มวนพิฆาต เป็นต้น๓. ใช้สารชีวภัณฑ์ พ่นด้วยเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ทูริงเยนซิส ตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร โดยเฉพาะหนอนระยะแรกๆ ควรพ่นสารชีวภัณฑ์ในช่วงเย็น จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด๔. หากพบการระบาดรุนแรงใช้สารเคมีป้องกันกำจัดแมลงตามคำแนะนำ การป้องกันกำจัดโดยวิธีใช้สารเคมี สารที่แนะนำในการป้องกันกำจัด IRAC กลุ่ม ๕๑. สารสไปนีโทแรม ๑๒% เอสซี อัตรา ๒๐ มิลลิลิตรต่อน้ำ ๒๐ ลิตร๒. สารสไปนีโทแรม ๒๕% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา ๑๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร IRAC กลุ่ม ๖๑. สารอีมาเมกตินเบนโซเอต ๑.๙๒% อีซี อัตรา ๒๐ มิลลิลิตรต่อน้ำ ๒๐ ลิตร๒. สารอีมาเมกตินเบนโซเอต ๕% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา ๑๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐

คำแนะนำการป้องกันกำจัด หนอนกระทู้…ในมันสำปะหลัง

คำแนะนำการป้องกันกำจัด หนอนกระทู้...ในมันสำปะหลัง

คำแนะนำการป้องกันกำจัด หนอนกระทู้…ในมันสำปะหลัง หนอนกระทู้ เป็นแมลงศัตรูที่สำคัญของพืชเศรษฐกิจหลายชนิด พบหนอนเเข้าทำลายทั้งในพืชผัก พืชไร่ ไม้ผล และไม้ดอก เนื่องจากสภาพอากาศช่วงนี้มีฝนตกและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เตือนเกษตรกรเฝ้าระวังหนอนกระทู้ทำลายพืชได้ ตั้งแต่วัยแรก โดยจะกัดกินใบพืช ก้านใบและต้นอ่อน เนื่องจากหนอนมีขนาดใหญ่และกัดกินใบอย่างรวดเร็ว จึงทำความเสียหายอย่างรุนแรง หากไม่ป้องกันกำจัดอาจไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ คำแนะนำการป้องกันกำจัด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการเกษตรพิรุณราช ณ สำนักงานเกษตรอำเภอ (ตามที่ตั้งแปลง) เรียบเรียงโดย : กองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย

หนอนกระทู้ระบาดในมันสำปะหลัง

หนอนกระทู้ระบาดในมันสำปะหลัง

เตือน “หนอนกระทู้” ระบาดในมันสำปะหลัง แนวทางการป้องกันกำจัด1. เมื่อพบตัวหนอนหรือกลุ่มไข่ในแปลงให้เก็บ และนำมาทำลายพร้อมกำจัดวัชพืชที่อยู่ในแปลง และบริเวณรอบแปลง2. ฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช หากการระบาดของหนอนลดลงให้ควบคุมด้วยชีวภัณฑ์โดยฉีดพ่นเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ทูริงเยนซิส (Bt) อัตรา 80 มิลลิลิตร ผสมน้ำ 20 ลิตร หลังจากฉีดพ่นสารเคมีแล้ว 15 วัน เรียบเรียงโดย : กองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย