คำแนะนำการป้องกันกำจัด เพลี้ยจักจั่นมะม่วง
ชื่อวิทยาศาสตร์
1.Idioscopus clypealis (Lethierry)
2.Idioscopus niveosparsus (Lethierry)
วงจรชีวิต
ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่เป็นฟองเดี่ยว ๆ รูปร่างยาวรี สีเหลืองอ่อน ตามแกนกลางใบอ่อนหรือก้านช่อดอกปรากฎเป็นรอยแผลเล็ก ๆ คล้ายรอยมีดกรีด ภายหลังจากการวางไข่แล้ว ประมาณ 1-2 วัน จะเห็นยางสีขาวของมะม่วงไหลหยดออกให้เห็น ระยะไข่ 7-10 วัน เมื่อไข่ฟักเป็นตัวอ่อนจะเริ่มดูดกินน้ำเลี้ยงจากช่อดอกและใบ ระยะตัวอ่อน 17-19 วัน
ลักษณะการทำลาย
ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดน้ำเลี้ยงจากช่อดอก ทำให้ช่อดอกแห้งและดอกร่วง ติดผลน้อยหรือไม่ติดผล ระหว่างที่ดูดกินน้ำเลี้ยง เพลี้ยจักจั่นจะถ่ายมูลมีลักษณะเป็นของเหลวเหนียว ๆ คล้ายน้ำหวาน เรียกว่า Honey dew หรือมูลหวาน ซึ่งเป็นอาหารของราดำ ทำให้ราดำเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ปกคลุมใบและช่อดอก ส่งผลต่อการสังเคราะห์แสงของใบ ใบอ่อนที่ถูกดูดน้ำเลี้ยงจะบิดงอโค้งลงด้านใต้ใบจะมีอาการปลายใบแห้ง
พบการระบาดอยู่ทั่วไปทุกแห่งที่ปลูกมะม่วง และพบได้ตลอดทั้งปี แต่ปริมาณประชากรของเพลี้ยจักจั่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงมะม่วงออกดอก ระหว่างเดือนธันวาคมถึงมกราคม ซึ่งปริมาณแมลงจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากระยะดอกตูมและมีปริมาณสูงสุดเมื่อดอกใกล้บาน และลดลงเมื่อมะม่วงเริ่มติดผล
การป้องกันกำจัด
- ตัดแต่งกิ่งภายหลังเก็บผลผลิต ช่วยลดที่หลบซ่อนของเพลี้ยจักจั่นมะม่วง ทำให้การพ่นสารฆ่า
- ใช้กับดักแสงไฟ ดักตัวเต็มวัย
- พ่นด้วยสารกำจัดแมลง ได้แก่
- ฟลูราดิฟูโรน 20% SL อัตรา 30 มิลลิลิตร
- ไดโนทีฟูแรน 10% SL อัตรา 10 มิลลิลิตร
- แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 2.5% EC อัตรา 20 มิลลิลิตร
- อิมิดาโคลพริด 70% WG อัตรา 5 กรัม
- ไพมีโทรซีน 50% WG อัตรา 20 กรัม
- บูโพรเฟซิน 40% SC อัตรา 10 มิลลิลิตร
- ฟลอนิคามิค 50% WG อัตรา 4 กรัม
- ไทอะมีทอกแซม 25% WG อัตรา 2.5 มิลลิลิตร
- อะซีทามิพริด 20% SP อัตรา 3 กรัม
โดยเลือกสารชนิดใดชนิดหนึ่งผสมน้ำ 20 ลิตร พ่นให้ทั่ว เมื่อสำรวจพบเพลี้ยจักจั่นมะม่วงมากกว่า 4 ตัว ต่อช่อดอก และพ่นซ้ำตามความจำเป็น การพ่นสารให้มีประสิทธิภาพควรพ่นให้ทั่วลำต้นเพื่อป้องกันตัวเต็มวัยเคลื่อนย้ายไปหลบซ่อนบริเวณที่พ่นสารไม่ถึง
- ใช้น้ำฉีดล้างช่อดอกและใบ เพื่อช่วยแก้ปัญหาช่อดอกและใบจากโรคราดำ
เรียบเรียงโดย : สำนักงานเกษตร อำเภอวัฒนานคร เดือนมกราคม, 2568