ทำไมต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกร
หน่วยงานต่างๆ สามารถนำข้อมูลจากทะเบียนเกษตรกรไปใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ โดยนำไป วางแผนพัฒนาการเกษตรให้เกษตรกร และเกษตรกรเองจะได้รับความสะดวกในการใช้สิทธิ์ขอรับการสนับสนุนช่วยเหลือ หรือรับบริการต่างๆ จากภาครัฐ
ต้องปลูกพืชแต่ละชนิดอย่างต่ำจำนวนเท่าใด ถึงจะสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้
- ข้าว 1 ไร่
- พืชไร่ 1 ไร่ (อย่างใดอย่างหนึ่ง)
- ผัก 1 งาน (อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน)
- ไม้ผล หรือไม้ยืนต้น 1 ไร่ (อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน)
- ไม้ดอก 1 งาน (อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน)
- สมุนไพร 1 งาน (อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน)
- เพาะเห็ด ทำผักงอก เนื้อที่ 30 ตร.ม. (อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน)
- เพาะปลูกในโรงเรือน เนื้อที่ 72 ตร.ม.
- เกษตรผสมผสาน 1 ไร่ (อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน)
- นาเกลือ 1 ไร่
- แมลงเศรษฐกิจ 10-20 รัง (แล้วแต่ชนิดแมลง)
- สวนป่า 1 ไร่ จำนวน 100 ต้น (อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน)
หากต้องการทราบ รหัสทะเบียนเกษตรกรของตนเองต้องทำอย่างไร
- รหัสทะเบียนเกษตรกรจะปรากฎอยู่ในสมุดทะเบียนเกษตรกร มีจำนวน 12 หลัก
- หรือสามารถติดต่อสอบถามที่สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือกล่องข้อความของเพจเฟซบุ๊ก DigitalDOAE
แอปพลิเคชัน Farmbook สามารถใช้ ขึ้นทะเบียนเกษตรกรรายใหม่ ได้หรือไม่
- ไม่ได้ เพราะ แอปพลิเคชัน Farmbook ใช้ได้เฉพาะ ผู้เคยแจ้งขึ้นทะเบียนไว้กับหน่วยงานของกรมส่งเสริมการเกษตรแล้ว ซึ่งจะต้องได้รับรหัสทะเบียนเกษตรกรก่อนเท่านั้น การเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Farmbook จะต้องใช้รหัสทะเบียนเกษตรกร ที่อยู่หน้าแรกของสมุดเล่มเขียว ที่ลงทะเบียนไว้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ ทั้งชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่านเป็นเลขเดียวกัน
เกษตรกรรายใหม่สามารถ ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านระบบออนไลน์ได้หรือไม่
- ได้ โดยการสมัครใช้เว็บไซต์ e-Form และรอการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ประมาณ 5 วันทำการ หลังจากนั้นจึงจะทำการแจ้งขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่าน e-Form ได้ https://efarmer.doae.go.th/login
หากอยู่ใน ทะเบียนบ้านเดียวกัน แต่แยกแปลงกันปลูก สามารถแยกขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้หรือไม่
- ไม่ได้ เพราะ กำหนดให้ 1 ทะเบียนบ้าน ขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้ 1 ครัวเรือนเกษตร (1 ทะเบียนเกษตรกร) เท่านั้น โดยจะมีหัวหน้าครัวเรือนเกษตร 1 คน ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าครัวเรือนตามทะเบียนบ้าน ส่วนสมาชิกคนอื่นๆในทะเบียนบ้าน สามารถเพิ่มเป็นสมาชิกในครัวเรือนเกษตร (ทะเบียนเกษตรกร) ได้
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอและสำนักงานเกษตรจังหวัดในพื้นที่