ศูนย์วิทยบริการเพื่อส่งเสริมการเกษตร

10

เรื่องล่าสุด

เรื่องเล่าเช้าวันจันทร์ “มะยงชิด มะปรางหวาน @นครนายก” จังหวัดนครนายกเป็นแหล่งผลิตมะยงชิดที่ขึ้นชื่อของประเทศ มีรสชาติและลักษณะที่โดดเด่น จนได้รับการตั้งชื่อว่า “มะยงชิดนครนายก” และจังหวัดนครนายกกำหนดจัดงาน “มะยงชิด มะปรางหวาน ตระการตา @นครนายก ในวันที่ 6-10 มีนาคม 2568 ณ ลานอเนกประสงค์เขื่อนขุนด่านปราการชล สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : สำนักงานเกษตรจังหวัดนครนายก

มะยงชิดนครนายก จ.นครนายก มะยงชิด เป็นผลไม้อัตลักษณ์พื้นถิ่นของจังหวัดนครนายก มีผลใหญ่ รูปไข่ สีเหลืองส้ม รสชาติหวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอม เนื้อหนา แน่น กรอบ ด้วยจังหวัดนครนายกมีลักษณะ ภูมิประเทศทางตอนเหนือและตะวันออก เป็นภูเขาสูงชัน ติดต่อกับเทือกเขาดงพญาเย็น ทางตอนกลางและใต้เป็นที่ราบอันกว้างใหญ่ มีความลาดเอียงลงมาทางใต้เล็กน้อย เกิดการสะสมตัวของตะกอนที่ถูกพัดพามาโดยน้ำตามความลาดชันของภูเขาโดยสะสมตัวบนหินฐานรากที่เป็นหินปูน ลักษณะของตะกอนชุดนี้ประกอบด้วยดินเหนียวปนทรายสลับกับชั้นกรวด ซึ่งดินในลักษณะนี้มีความพิเศษคือสามารถอุ้มน้ำได้ดี มีช่องว่างของเม็ดดิน

โรคพุ่มไม้กวาดในลำไย (Witches’broom) เชื้อสาเหตุโรค : ไฟโตพลาสมา (Phytoplasma) แมลงพาหะ : เพลี้ยจักจั่นสีน้ำตาล ไรกำมะหยี่ลำไย ลักษณะการทำลาย :เริ่มแรกส่วนที่เป็นตาเกิดอาการใบยอดแตกฝอย มีลักษณะคล้ายพุ่มไม้กวาด ใบมีขนาดเล็กเรียวยาวม้วนบิดเป็นเกลียวมีขนละเอียดปกคลุมแข็งกระด้างไม่คลี่ออก ถ้าเป็นช่อดอกจะแตกเป็นพุ่มฝอยดอกแห้งไม่ติดผล ถ้าไม่รุนแรงก็จะออกช่อชนิดติดใบปนดอกและช่อสั้น ๆ ซึ่งอาจติดผลได้น้อยประมาณ 4-5 ผล ถ้าเป็นโรครุนแรง ดอกลำไยที่เกิดขึ้นจะแตกกิ่งเป็นฝอย

5 ขั้นตอนปลูกต้นไม้ 1.เลือกเมล็ดพืชที่ชอบเลือกพืชหรือดอกไม้ที่อยากปลูก เช่น ผักสวนครัวหรือดอกไม้สวย ๆ 2.เตรียมดินและกระถางเตรียมดินที่อุดมสมบูรณ์และกระถางหรือพื้นที่ปลูกที่มีรูระบายน้ำ 3.ปลูกเมล็ดหรือกล้าลงดินนำเมล็ดหรือกล้าลงดิน โดยเว้นระยะห่างและความลึกตามชนิดของต้นไม้ 4.รดน้ำและดูแลรดน้ำต้นไม้สม่ำเสมอ อย่าให้มากหรือน้อยเกินไป และคอยดูแลไม่ให้มีวัชพืช 5.ใส่ปุ๋ยใส่ปุ๋ยที่เหมาะสมกับชนิดของพืชเพื่อช่วยให้ต้นไม้เจริญเติบโตแข็งแรง เรียบเรียงโดย : สำนักงานเกษตรอำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว

ปุ๋ยโพแทสเซียม (K) 13-0-46ปุ๋ยโพแทสเซียมไนเตรต (Potassium Niitrate) มีส่วนผสมของไนโตรเจน (N) 13% และโพแทสเซียม (K) 46% ใช้เพื่อเร่งการเติบโตและเปิดตาดอกในพืช เช่น มะม่วง ทุเรียน และลำไย รวมถึงใช้ในระบบการเกษตรต่าง ๆ เช่น ไฮโดรโปนิกส์ และการหยดน้ำ โดยสามารถละลายได้ดีในน้ำและไม่มีสารตกค้าง

ผักปลูกง่ายได้กินใน 60 วัน 4 วัน : ถั่วงอก 7 วัน : เห็ดนางฟ้า ต้นอ่อนผักบุ้ง ต้นอ่อนทานตะวัน 30 วัน : ผักบุ้ง โหระพา แมงลัก กะเพรา สะระแหน่ 40

เรื่องเล่าเช้าวันจันทร์ “ข้อสังเกตก่อนซื้อทุเรียน” ในฤดูกาลปกติ ประเทศไทยมีทุเรียนออกสู่ตลาดประมาณเดือน เม.ย.-ก.ย. นอกจากนี้มีเกษตรกรบางส่วนผลิตทุเรียนนอกฤดู ช่วยสร้างรายได้ให้มากขึ้น หลีกเลี่ยงความเสี่ยงราคาผลผลิตตกต่ำในช่วงผลผลิตออกมากตามฤดูกาล โดยพื้นที่ภาคตะวันออกสามารถเก็บเกี่ยวได้ ตั้งแต่เดือน ก.พ.- มี.ค. ส่วนพื้นที่ภาคใต้สามารถเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่เดือ ธ.ค.- ก.พ. 5 ข้อสังเกตก่อนซื้อทุเรียนคลิกอ่าน : https://bit.ly/42Tgsr5 ชาวสวนไม่ตัด ผู้บริโภคไม่ซื้อ ทุเรียนอ่อนคลิกอ่าน

ระบบเกษตรอัจฉริยะ “Handy Sense” HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ ผนวกเทคโนโลยีเซนเซอร์ตรวจวัดสภาพแวดล้อมทางการเกษตรและระบบควบคุมการทำงานอัตโนมัติได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่ายทนทานต่อสภาพแวดล้อม สามารถเข้าใจ HandySense ได้เพิ่มขึ้น คลิกเพิ่มเติมจากลิงก์ด้านล่างได้เลยค่ะ Handy sense เกษตรอัจฉริยะรับชม : https://bit.ly/40ZOp8Q เพิ่มรายได้ เพิ่มผลผลิต ด้วยระบบเกษตรอัจฉริยะ “Handy Sense”คลิกอ่าน : https://bit.ly/4b6ED9A

ขึ้นระหว่างวันที่ 21-31 มีนาคม 2568 สื่อประชาสัมพันธ์ จำนวน 1 ชิ้น DOAE E-LEARNING การเรียนรู้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ กรมส่งเสริมการเกษตร กำหนดการเปิดเรียน ประจำปี 2568 ช่วงที่ 1 : 1 มีนาคม – 31

เกร็ดความรู้สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงครั่ง หลังจากปล่อยครั่งไปแล้ว 1 เดือน ครั่งจะขับถ่ายมูลหวาน ออกมาจากช่องขับถ่าย หากเกษตรกรที่ปล่อยครั่งบนต้นจามจุรีที่มีขนาดใหญ่ อาจจะสังเกตการเจริญเติบโตของครั่งได้ยาก ดังนั้นเรามีเทคนิคในการสังเกตครั่งมาฝากกันค่ะ 1.ไม้อาศัยต้นเตี้ย ก็จะเห็นการเจริญเติบโตของครั่งได้ชัดเจน มีการสร้างไขสีขาว และการขับน้ำหวานที่มีสีใสออกมา เมื่อสัมผัสอากาศนาน ๆ ก็จะเริ่มแข็งตัวและเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีทอง สีน้ำตาล 2.ไม้อาศัยต้นใหญ่และมีความสูงมาก เราอาจจะสังเกตได้ดังนี้ เรียบเรียง :

ด้วงกัดใบบุกไร่มันสำปะหลัง!

ด้วงกัดใบบุกไร่มันสำปะหลัง!

ด้วงกัดใบบุกไร่มันสำปะหลัง! เตือนเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังทุกพื้นที่ ดำเนินการ ดังนี้ 1.ให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังสำรวจแปลงปลูกของตน 2.สังเกตลักษณะการทำลายของด้วงกัดใบคือ ใบเว้า ๆ แหว่ง ๆ มีมูลด้วงบริเวณยอดของต้นมันสำปะหลัง และตัวด้วงมักอาศัยอยู่เป็นคู่ๆ หรือรวมกันเป็นกลุ่มบนลำต้น 3.ป้องกันกำจัดด้วยวิธีเขตกรรม คือ เก็บด้วงไปทำลาย 4. พ่นสารฆ่าแมลง คาร์บาริล 85% ดับเบิ้ลยูพี (สารกลุ่ม1a) อัตรา 60 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตรหรือ ฟิโพรนิล 5%sc (กลุ่ม2b) อัตรา 80 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ที่มา : https://www.facebook.com/pr.doae/posts/pfbid02z8V7AsU2psmjaM8gNv6AWu3YepqmrbmwGahd56qqgwzXS3SQ2SvAXjmYbntuqzp9l

เรื่องเล่าเช้าวันจันทร์ ชวนทำความรู้จักกับ “มันสำปะหลัง” และ “ศัตรูของมันสำปะหลัง”

เรื่องเล่าเช้าวันจันทร์ ชวนทำความรู้จักกับ "มันสำปะหลัง" และ "ศัตรูของมันสำปะหลัง"

ชวนอ่านเรื่องราวของ “มันสำปะหลัง” และ “ศัตรูของมันสำปะหลัง” เนื่องจากช่วงนี้มีการระบาดในหลายพื้นที่ เกษตรกรจึงจำเป็นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ 1.คำแนะนำการป้องกันกำจัด หนอนกระทู้…ในมันสำปะหลังคลิกอ่าน : https://bit.ly/4ccGaL22.การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลังคลิกอ่าน : https://bit.ly/44kBVbU3.ศัตรูมันสำปะหลังและการจัดการคลิกอ่าน : https://bit.ly/3uG8XqJ4.ศัตรูธรรมชาติในแปลงมันสำปะหลังคลิกอ่าน : https://bit.ly/3J70pMW

อาการขาดแมกนีเซียมในมันสำปะหลัง

อาการขาดแมกนีเซียมในมันสำปะหลัง

แมกนีเซียม (Mg) เป็นองค์ประกอบของส่วนที่เป็นสีเขียวของพืช (คลอโรฟิลล์) ซึ่งทำหน้าที่ในการสังเคราะห์แสง ส่งเสริมการดูดกินและนำพาฟอสฟอรัสขึ้นสู่ลำต้น ช่วยสังเคราะห์กรดอะมิโน วิตามิน ไขมัน มีส่วนช่วยในการสร้างน้ำมันเมื่ออยู่ร่วมกับกำมะถัน นอกจากนี้ยังทำหน้าที่หลายอย่างซึ่งมีความสำคัญต่อการหายใจของเซลล์พืช เมื่อพืชขาดแมกนีเชียม ใบแก่ (ใบล่าง) เปลี่ยนเป็นสีเหลือง แต่เส้นใบสีเขียวชัดเจนบนใบสีเหลืองคล้าย “ก้างปลา” อาการนี้เรียกว่า “ใบเหลืองระหว่างเส้นใบ” หรือ “คลอโรซีส” (chlorosis) อาการใบเหลือง จะเริ่มที่ใบแก่ที่สุดก่อนแล้วทยอยเหลืองขึ้นไปลำต้นส่วนบน แต่ใบบนจะไม่แสดงอาการนี้ ความสูงของต้นมักจะไม่ลดลงและใบจะไม่ผิดรูปร่าง การขาดแมกนีเซียม ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในดินที่เป็นกรดจัดต่อมา เมื่อขาดแมกนีเซียมอย่างต่อเนื่อง ใบเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแห้งตายในที่สุด ใบที่แตกออกมาใหม่จะมีขนาดเล็ก ขอบใบงอเข้าหากันและเปราะง่าย ง่ายต่อการเข้าทำลายของศัตรูพืช จากการสำรวจพื้นที่ ยังพบอาการขาดธาตุแมกนีเซียม โดยเกษตรกรแจ้งมาว่าพบอาการใบด่างสีเหลืองเขียว กลัวว่าจะเป็นโรคใบด่างมันสำปะหลัง จากการลงพื้นที่พบว่า อาการใบด่างที่พบนั้นเป็นอาการที่เกิดจากการขาดธาตุแมกนีเซียม จึงได้แนะนำให้เกษตรกรให้แมกนีเซียม ปุ๋ยทางใบ ไปทางระบบน้ำ ทุก ๆ 14-21 วัน จนกว่าอาการจะดีขึ้น หากเกษตรกรท่านไหน พบลักษณะอาการแปลก ๆ ในมันสำปะหลัง สามารถส่งรูปถ่ายมาขอคำปรึกษาในการดูแลรักษาได้ หรือสอบถามได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ /กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัด หรือเกษตรตำบลในพื้นที่ของท่านได้เลยครับ ที่มา : https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid037FdJtKzM1VBFh6KMpW6yz9LwzjzeeiXDLsCUumnyoeemCB5AqENu4XnhtNHDHdxVl&id=100028983577766

หนอนกระทู้หอม กัดกินต้นมันสำปะหลัง

หนอนกระทู้หอม กัดกินต้นมันสำปะหลัง

หนอนกระทู้หอม กัดกินต้นมันสำปะหลัง คำแนะนำ :1.เมื่อพบตัวหนอนหรือกลุ่มไข่ในแปลง ให้เก็บและนำมาทำลาย พร้อมกำจัดวัชพืชในแปลงและรอบแปลง2.ฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช โดยเลือกสารชนิดใดชนิดหนึ่ง ผสมน้ำ 20 ลิตร เช่นㆍ คลอแรนทรานิลิโพรล 5.17% SC อัตรา 20 มิลลิลิตรㆍ เดลทาเมทริน 3% EC อัตรา 30 มิลลิลิตร หมายเหตุ* หากการระบาดของหนอนลดลงให้ควบคุมด้วยชีวภัณฑ์ โดยฉีดพ่นเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ทูริงเยนซิส (Bt) อัตรา 80 มิลลิลิตรผสมน้ำ 20 ลิตร หลังจากฉีดพ่นสารเคมีแล้ว 15 วันทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้ประสานงานองค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อหารือแนวทางช่วยเหลือเกษตรกร จัดซื้อสารเคมีสนับสนุนโดยเร่งด่วน ที่มา : https://www.facebook.com/pr.doae/posts/pfbid026Xgma92wiBBm9MApYmWts27K3JsePAvCXhqRtyzh8pQ1gaoq5oQDxGiUpKQGHWfdl

หนอนกระทู้ระบาดในมันสำปะหลัง

หนอนกระทู้ระบาดในมันสำปะหลัง

เตือน “หนอนกระทู้” ระบาดในมันสำปะหลัง แนวทางการป้องกันกำจัด1. เมื่อพบตัวหนอนหรือกลุ่มไข่ในแปลงให้เก็บ และนำมาทำลายพร้อมกำจัดวัชพืชที่อยู่ในแปลง และบริเวณรอบแปลง2. ฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช หากการระบาดของหนอนลดลงให้ควบคุมด้วยชีวภัณฑ์โดยฉีดพ่นเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ทูริงเยนซิส (Bt) อัตรา 80 มิลลิลิตร ผสมน้ำ 20 ลิตร หลังจากฉีดพ่นสารเคมีแล้ว 15 วัน เรียบเรียงโดย : กองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย